เที่ยวหน้าฝน...ไปไหนกันดี
ช่วงนี้สายฝนเริ่มโปรยปราย นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเข้าสู่ฤดูฝนกันแล้วหลังจากที่อากาศร้อนอบอ้าวมานาน แต่แหม...ถ้าเอ่ยถึงหน้าฝน เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงนึกถึงภาพสายฝนที่กระหน่ำตกลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา ส่งผลให้การจราจรติดไม่ขยับ หรือพื้นถนนที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ แลดูเลอะเทอะ แถมจะไปเที่ยวที่ไหนก็ไม่ได้อีก
อะ ๆ แต่คุณรู้หรือเปล่าว่านอกจากความเฉอะแฉะแล้ว ฤดูฝนก็มีอะไรแจ่ม ๆ ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ความขมุกขมัวมืดครึ้ม นั่นก็คือ ความเขียวชอุ่มของธรรมชาติ ความฉุ่มฉ่ำของสายน้ำ เพราะฉะนั้น สำหรับนักเดินทางที่อยากออกไปโลดแล่นช่วงหน้าฝน แต่ยังไม่รู้จะไป "เที่ยวหน้าฝน" ที่ไหนกันดี
1. ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
เมืองเล็ก ๆ ที่สามารถเดินทางไปสัมผัสกับความงดงามได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะฤดูไหน ๆ เพราะแต่ละเดือน แต่ละช่วงความงดงามของธรรมชาติจะปรากฎออกมาให้พบเห็นแตกต่างกัน อย่างฤดูฝนแบบนี้ ภาพของท้องทุ่งนาสีเขียวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ขุนเขาที่มีสายหมอกบางเบาล้อมรอบ แม่น้ำปายที่มีน้ำเต็มตลิ่ง เหมาะอย่างยิ่งที่จะลงไปล่องแพชื่นชมธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ตลอดสองฝั่งแม่น้ำ ที่สำคัญคือค่อนข้างเงียบสงบ เป็นส่วนตัว และที่พักราคาถูก
2. สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
ภาพของป่าชุ่มชื่นตลอดสองข้างทางที่มุ่งตรงไปยัง "สวนผึ้ง" อำเภอที่แฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์ของขุนเขาและป่าไม้ คงเป็นสิ่งที่การันตีได้เป็นอย่างดีว่าที่นี่สวยงามน่าเที่ยวขนาดไหน โดยเฉพาะฤดูฝนก็ยิ่งเพิ่มความเขียวขจีขึ้นไปอีก และถึงแม้ว่าสวนผึ้งจะเต็มไปด้วยรีสอร์ทน้อยใหญ่ แต่ก็ยังคงมีธรรมชาติที่งดงามไม่เปลี่ยนแปลง แถมยังแวดล้อมไปด้วยหุบเขาเขียว ๆ ที่มีสายหมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณ และยังแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกเพียบ ไม่ว่าจะเ็ป็น บ้านหอมเทียน, สวนผึ้งออร์คิด, แก่งส้มแมว, น้ำตกเก้าชั้น และธารน้ำร้อนบ่อคลึง เป็นต้น
3. ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์
ถึงจะไม่ได้หนาวสะท้านเหมือนช่วงฤดูหนาว แต่เพราะฝนที่ตกลงมาก็ทำให้ "ภูทับเบิก" มีอากาศเย็นสบายได้ไม่ยาก แถมยังมีสายหมอกในสายฝนให้ชื่นชมอีกด้วย ซึ่งความงามของภูทับเบิกในช่วงหน้าฝนนั้น นอกจากความเขียวชอุ่มของป่าไม้ ขุนเขาแล้ว ไร่กะหล่ำปลีสีเขียวไกลสุดลูกหูลูกตาก็ยังไม่ให้เห็นเหมือนเดิม ที่สำคัญคืออากาศบริสุทธิ์สุดสดชื่น ปลอดโปร่ง เงียบสงบ เหมาะสำหรับไปนั่งชิว ๆ จิบกาแฟรสเยี่ยม เคล้าบรรยากาศดี ๆ จริง ๆ
4. ล่องแก่งลำน้ำเข็ก จังหวัดพิษณุโลก
เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมแอดเวนเจอร์ที่ต้องรอให้ถึงฤดูฝนซะก่อน ถึงจะทำให้ดีกรีความมันส์เพิ่มมากขึ้น สำหรับการล่องแก่งไปตามกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก และสนามล่องแก่งที่คนรักการผจญภัยในสายน้ำไม่ควรพลาด นั่นก็คือ การล่องแก่งลำน้ำเข็ก อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก เพราะที่นี่มีกระแสน้ำไหลผ่านเกาะแก่งต่าง ๆ มากมาย แถมตลอดเส้นทางยังมีระดับความยากง่ายท้าทายความสามารถอีกเพียบ อีกทั้งตลอดเส้นทางที่ล่องแก่งยังจะได้สัมผัสกับธรรมชาติตลอดระยะทาง 8 กิโลเมตร ที่ลอยละล่องลุ้นระทึกอยู่บนเรือยาง
ทั้งนี้ การล่องแก่งลำน้ำเข็ก ไม่อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ลงล่องแก่งโดยเด็ดขาด โดยยึดตามข้อบังคับของชมรมผู้ประกอบการล่องแก่งลำน้ำเข็ก ที่ผู้ประกอบการทุกคนต้องปฏิบัติตามโดยเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัย
5. อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องความงดงามของทิวทัศน์ ความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ สำหรับ "ทองผาภูมิ" อำเภอสุดแดนตะวันตก ขอบชายแดนไทย-พม่า อาจเพราะสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูงชัน จึงทำให้มีความสวยงามของท้องทะเลแห่งขุนเขา และทะเลหมอกในยามเช้า อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอยู่หลายแห่ง เช่น เขื่อนเขาแหลม (เขื่อนวชิราลงกรณ์) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีวิวทิวทัศน์ที่งดงาม, เขาช้างเผือก ที่มีความสูง 1,249 เมตร จากระดับน้ำทะเล เส้นทางเดินไปสู่ยอดเขาช้างเผือกเป็นป่าโปร่งสลับกับทุ่งหญ้า มองได้รอบทิศทาง 360 องศา, เหมืองปิล็อก เหมืองขนาดใหญ่ที่อดีตเคยทำรายได้หลักและเป็นลมหายใจของชีวิตคนกาญจนบุรี
บ้านอีต่อง หมู่บ้านเล็ก ๆ ในหุบเขาที่เงียบสงบ ยังคงรักษาวิถีชีวิตแบบดั่งเดิมเอาไว้, น้ำตกจ๊อกกระดิ่น มีความยาวประมาณ 5 กิโลเมตร ในยามหน้าฝนสายน้ำจะไหลพรั่งพรู สวยงามมาก และ ดอยต่องปะเล จุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โดยเฉพาะยามที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าในยามเย็น จะสวยงามและได้บรรยากาศที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก Kapook.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น