ข้อแนะนำในการเอาใจใส่ร่างกาย ช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง
เผลอนิดเดียวฝนตก พอสักพักอากาศชื้นและเริ่มหนาว ภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงแบบนี้มักทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในช่วงนี้ เนื่องจากเชื้อโรคต่างๆ มักจะเจือปนมากับน้ำและละอองอากาศ ซึ่งเมื่อสัมผัสถูกเชื้อโรคที่มากับฝนและอากาศ ก็จะทำให้ป่วยเป็นไข้หวัด ไอ เจ็บคอ ตาแดง ภูมิแพ้ หอบหืดและโรคฉี่หนู
ในเบื้องต้นหากมีอาการป่วย คุณควรดูแลตนเองด้วยการนอนพักในสถานที่ ที่มีอากาศถ่ายเท ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในบริเวณที่มีคนอยู่เยอะๆ พร้อมกับเลือกกินอาหารที่ย่อยง่ายแต่ให้สารอาหารครบ 5 หมู่ และดื่มน้ำสะอาดไม่ต่ำกว่าวันละ 10-12 ลิตร เนื่องจากในขณะที่ไม่สบายอุณหภูมิภายในร่างกายจะสูงผิดปกติ ดังนั้นแล้วก็ดื่มน้ำมากๆ จึงจะช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายให้อยู่ในระดับปกติได้ สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการตาแดง เพื่อเป็นการถนอมดวงตา ควรส่วมแว่นกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง ส่วนใครที่มีอาการไอ จาม เจ็บคอ ต้องใส่หน้ากากหรือผ้าปิดจมูก เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสที่อยู่ในละอองน้ำมูก เสมหะและน้ำลาย กระเด็นไปถูกคนรอบข้าง อีกเรื่องที่ควรรู้ไว้สำหรับใครที่มีสัตว์เลี้ยงในบ้าน คุณต้องหมั่นรักษาความสะอาด เก็บมูลสัตว์และแยกบริเวณที่อยู่ของสัตว์เลี้ยงกับสมาชิกในครอบครัวให้เป็นสัดส่วนด้วย เนื่องจากขน มูล และน้ำลายของสัตว์ ถือเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่คอยกระตุ้นให้อาการภูมิแพ้และหอบหืดกำเริบได้ตลอดเวลา เมื่อหายจากอาการเจ็บป่วยแล้ว ก็ต้องไม่ลืมดูแลเอาใจใส่ส่วนอื่นๆ ในร่างกายด้วย เพราะการมีสุขภาพแข็งแรงจำเป็นต้องเอาใจใส่ตนเองตั้งแต่หัวจรดเท้า เริ่มต้นที่เส้นผมและหนังศีรษะก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อถูกละอองฝน ขอแนะนำให้รีบใช้ผ้าขนหนูที่แห้งและสะอาดมาซับบริเวณศีรษะให้เร็วที่สุด
อย่าชะล่าใจ! ปล่อยให้น้ำฝนเกาะติดที่ศีรษะนาน เพราะหากปล่อยให้เส้นผมและหนังศีรษะมีความชื้น นั่นอาจเป็นสาเหตุทำให้ป่วยเป็นไข้หวัดและเชื้อราบนหนังศีรษะได้ ดังนั้นเมื่อกลับถึงบ้านให้รีบสระผมและเป่าแห้งทันที แล้วจึงบำรุงผมด้วยการนำน้ำมันมาชโลมบริเวณปลายผมเล็กน้อย เพื่อป้องกันผมแห้งเสียและแตกปลาย
ตามติดมาด้วยการดูแลผิว นิ้วมือ และนิ้วเท้า ในกรณีที่ต้องตากฝนจนเปียกปอนไปทั้งตัว ควรรีบอาบน้ำล้างตัวให้สะอาดก่อนเช็ดตัวให้แห้งและสะอาดโดยเร็ว หลังจากนั้นให้ทาครีมที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ให้ทั่วทุกส่วนของร่างกาย เพื่อบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นลดอาการผิวแห้ง แตก และลอก แต่หากมีอาการคันตามบริเวณง่ามนิ้วมือและเท้า ให้รีบไปล้างมือและเท้าให้สะอาด แล้วเช็ดให้แห้ง ที่สำคัญที่สุดห้ามเกา เพราะการเกาในบริเวณที่คันจะทำให้เชื้อโรคที่แฝงตัวอยู่กระจายไปทั่วทั้งฝ่ามือและเท้า ซึ่งหากอาการคันยังไม่หายไป ควรนำยาแก้คันและยาฆ่าเชื้อรามาทาในบริเวณนั้น ไม่เพียงแค่นี้เมื่อดูแลสุขภาพ ‘ภายนอก’ แล้วก็ต้องใส่ใจดูแลสุขภาพ ‘ภายใน’ ด้วย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้คุณเจ็บไข้ได้ป่วยอีก ซึ่งวิธีที่ช่วยให้อวัยวะและระบบต่างๆ ภายในร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือการกินอาหารให้เหมาะสม
เนื่องจากในฤดูปลายฝนต้นหนาวจะมีระยะเวลาที่แดดออกน้อยกว่าปกติ ปัจจัยตรงนี้จึงทำให้อาหารประเภทตากแห้ง เช่น กุ้ง ปลาหมึก ถั่วลิสง พริก เป็นต้น ขึ้นราได้ง่าย ดังนั้นในช่วงนี้คุณจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทนี้ เพราะการกินอาหารที่มีเชื้อราเข้าไป จะทำให้เกิดอากาศท้องเสียและหากร่างกายสะสมเชื้อราไว้ในปริมาณที่สูงก็อาจเป็นสาเหตุของการป่วยเป็นโรคมะเร็งได้ นอกจากนี้แล้วยังต้องห้ามกินอาหารค้างคืนที่ไม่ได้เก็บไว้ในตู้เย็น เพราะเป็นการเสี่ยงกับการป่วยเป็นโรคท้องร่วงและอาหารเป็นพิษ ยิ่งในสภาพอากาศที่มีความชื้น เชื้อโรคมักจะเจริญเติบโตได้ดี ฉะนั้นแล้วหากอยากมีสุขภาพแข็งแรง ก็ควรบอกลานิสัยที่ชอบเสียดายของไปซะ เมื่อสุขภาพภายในแข็งแรงแล้ว คุณก็ควรปรับสมดุลให้กับร่างกายด้วยการหมั่นออกกำลังกาย แม้อากาศในฤดูนี้จะไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าใด แต่ก็มีกีฬาบางประเภทเหมาะที่จะนำมาออกกำลังกายในช่วงนี้ เช่น เต้นแอโรบิคในร่ม ตีแบดมินตันในโรงยิม วิ่งเหยาะๆ อยู่กับที่ และฝึกโยคะ เป็นต้น ซึ่งหากคุณเล่นกีฬาเหล่านี้เป็นประจำทุกวัน ก็จะช่วยทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตและหัวใจทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มากไปกว่านั้นยังช่วยเผาผลาญไขมันมันและคลอเลสเตอรอลในเส้นเลือดอีกด้วย ทั้งนี้ควรอาบน้ำให้สะอาดในทันที หลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความอับชื้นที่จะนำไปสู่การป่วยเป็นโรคกลากเกลื้อน เชื้อราและคันในร่มผ้า
ในกรณีที่เสื้อผ้าโดยฝนจนเปียกของอย่านำมากองไว้ในตะกร้าผ้า เพราะการนำผ้าเปียกและผ้าแห้งมาไว้ด้วยกัน อาจทำให้เกิดการหมักหมมจนเชื้อรากระจายไปยังเสื้อผ้าตัวอื่นๆ ได้ ทางที่ดีที่สุดควรนำผ้าเปียกไปอบและผึ่งให้แห้งก่อนนำไปซักให้สะอาด แต่ในกรณีที่ฝนตกติดต่อกันนานหลายวัน ควรผึ่งผ้าที่ซักเสร็จแล้ว ทิ้งไว้ในบริเวณที่มีลมผ่านจนกว่าผ้าจะแห้ง เพื่อป้องกันกลิ่นอับชื้นและเชื้อรา แต่หากตากเสื้อผ้ามานานหลายวันแล้ว กลิ่นอับยังไม่หายอับสักที อย่ากังวลใจไป ให้นำเสื้อผ้าที่มีกลิ่นอับชื้นนั้นด้วยการผสมผงฟูลงไปในผงซักฟอกก่อนนำไปซัก เพราะในผงฟูจะมีสารโซเดียมไบคาร์บอเนต ซึ่งสารตัวนี้มีคุณสมบัติช่วยขจัดกลิ่นเหม็นและกลิ่นอับชื้นได้ ที่สำคัญที่สุดคุณต้องไม่ลืมนำสิ่งของที่เปียกน้ำ อาทิ รองเท้า กระเป๋า ถุงผ้า และพรมรถยนต์ไปตากแดดให้แห้ง เพื่อป้องกันเชื้อราและฆ่าเชื้อไวรัสที่เจือปนมากับน้ำฝนและอากาศที่หนาวเย็น ทำได้เพียงแค่นี้ ... เชื่อได้เลยค่ะไม่ว่าจะหน้าฝน หรือหน้าหนาว รับรองสุขภาพของคุณจะสดใส แข็งแรง ไม่ต้องกลัวว่าจะเจ็บไข้ได้ป่วยเลย!!!
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก http://www.thaihealth.or.th/node/11969
รูปภาพจาก google
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น